อาจารย์ธรณ์ ระบุเตรียมนำเรือวิจัยลงเก็บข้อมูลน้ำมันรั่วทะเลมาบตาพุด จ.ระยอง ตั้งเป้าสำรวจสมุทรศาสตร์ ตัวอย่างน้ำทะเล สัตว์หน้าพื้นทราย ขณะที่ GISTDA เปิดภาพดาวเทียมเมื่อเวลา 10.40 น. พบคราบน้ำมันลอย 2 เท่าของเกาะเสม็ด
กรณีพบน้ำมันดิบรั่วไหล บริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุด ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 20 กิโลเมตร เมื่อเวลา 21.06 น. ของวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา
วันนี้(26 ม.ค.2565) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) ใช้ภาพจากดาวเทียม Sentinel-2 ของวันที่ 26 ม.ค.นี้ เมื่อเวลา 10.40 น.พบคราบน้ำมันลอยเป็นกลุ่มก้อนกลางอ่าวมาบตาพุด (กรอบสีเหลือง) คิดเป็นพื้นที่ 11.65 ตารางกิโลเมตร (7,280 ไร่) หรือกว่า 2 เท่าของเกาะเสม็ด ซึ่งคราบน้ำมันดังกล่าวอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลของ อ.เมืองระยอง ประมาณ 16.5 กิโลเมตร
จากการตรวจสอบทิศทางลม บริเวณอ่าวมาบตาพุด ด้วยแบบจำลอง Global Forecast System หรือ GFS พบว่าระหว่างวันที่ 26-28 ม.ค.นี้ ทิศทางลมมีแนวโน้มเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีระดับความเร็วลมเฉลี่ยอยู่ในช่วง 5-15 เมตรต่อวินาที ลักษณะดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายฝั่งเมืองระยอง ชายหาดแม่รำพึง และพื้นที่ชายหาดใกล้เคียง
มก.เตรียมส่งเรือวิจัยเก็บข้อมูลผลกระทบ
ขณะที่นายธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โพสต์เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat กล่าวว่า ขณะนี้คณบดีคณะประมง มก.สั่งการให้ทีมนักวิจัยของเราเข้าพื้นที่ พร้อมสั่งให้เรือวิจัย “เกษตรศาสตร์ 1” เตรียมพร้อมปฏิบัติการ เพื่อศึกษาผลกระทบด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เพราะเคยมีประสบการณ์ตั้งแต่ครั้งเกาะเสม็ดต่อเนื่อง ถึงการสำรวจผลกระทบจากน้ำมันในชายฝั่งต่างๆ ของไทย
โดยการสำรวจแบ่งเป็น 3 ส่วน คือตรวจสอบข้อมูลทางสมุทรศาสตร์ กระแสน้ำ คลื่นลม รวมทั้งการสำ รวจชายฝั่งโดยใช้โดรน นอกจากนี้ใช้เรือเก็บตัวอย่างน้ำทะเล พื้นทะเล บริเวณที่คาดว่าน้ำมันอาจผ่านเข้ามา การสำรวจข้อมูลตามชายหาดที่คาดว่าอาจได้รับผลกระทบต่อหาดชายหาด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“วราวุธ”งัดกฎหมายเอาผิด-ฟื้นฟูน้ำมันรั่วทะเลห่วงกระทบยาว 3-5 ปี
ปูพรมล้อม “เกาะเสม็ด-หาดแม่รำพึง” สกัดคราบน้ำมันรั่วทะเลระยอง
Note: This article have been indexed to our site. We do not claim legitimacy, ownership or copyright of any of the content above. To see the article at original source Click Here